วันพฤหัสบดีที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2560

5อันตรายนอนดึก


5ข้ออันตรายจากการนอนดึก




1 อารมณ์. อารมณ์ไม่ดีแปรปรวน
จากผลการวิจัย เผยว่า คนที่มีค่าเฉลี่ยการนอนหลับเพียง 4.5 ชั่วโมงต่อคืน เป็นเวลาต่อเนื่อง 1 สัปดาห์นั้น มีแนวโน้มจะเป็นคนที่มีอารมณ์แปรปรวน มากกว่าคนที่มีเวลานอนประมาณ 7 ชั่วโมงต่อคืน ทั้งนี้สภาพอารมณ์แปรปรวนที่เกิดขึ้น เหล่านั้นจะหมายความรวมถึงอารมณ์ และความรู้สึกเครียด เศร้า โมโห หงุดหงิด ท้อแท้ ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเรื่องปกติที่คนธรรมดาทุกคน อย่างเราต้องเผชิญอยู่ทุกวี่วัน ก็มีแน้วโน้มว่า คนนอนน้อย นอนไม่พอ จะควบคุมอารมณ์ได้น้อยความคนที่นอนอย่างเพียงพอนั่นเอง
2. สมองไม่รับรู้ เรียนรู้อะไรได้ช้าลง
การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ สามารถส่งผลให้สมองของเรา มีการรับรู้และเรียนรู้ช้าลงได้จริง จากผลสำรวจในโรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่ง ในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ได้มีการทดลองเลื่อนเวลาเข้าเรียนจาก 7.30 น. เป็น 8.30 น. พบว่า ผลคะแนนของวิชาเลข และวิชาการอ่านของนักเรียนเพิ่มสูงขึ้นประมาณร้อยละ 2 และร้อยละ 1 ตามลำดับ และนี่จึงเป็นการอธิบายได้ว่า ถ้าเราเพิ่มระยะเวลาในการนอนหลับ ก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ในการเรียนรู้และจดจำของสมองให้มากขึ้นได้
3. มีอาการปวดหัวไม่สบาย
อย่างที่หลายคนน่าจะเคยได้ยินกัน ว่าการนอนน้อย นอนไม่พอนั้น จะทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ จึงเป็นสาเหตุของอาการปวดหัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับคนที่มีโรคประจำตัวเป็นโรคปวดไมเกรนนั้น ยิ่งมีโอกาสที่อาการจะกำเริบมากกว่าคนที่ไม่เป็นด้วย นอกจากนี้ ก็ยังมีคนส่วนใหญ่ที่นอนน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีอาการปวดหัวในตอนเช้า ในขณะที่อีกร้อยละ 36-58 มีอาการนอนไม่หลับในช่วงตอนกลางคืน พอตื่นเช้าขึ้นมา ก็มีอาการปวดหัวเล็กน้อย
4. อ้วน น้ำหนักขึ้น
คนที่นอนไม่พอ มีแนวโน้มว่าจะมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ง่ายกว่าคนที่นอนหลับอย่างเพียงพอ เนื่องจากการที่ร่างกายของเรา หลังจากที่ไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอจะเกิดอาการอยากอาหาร หรือว่าหิวง่ายขึ้น หลังจากนั้นสมองก็จะเริ่มสั่งการให้เรามีความรู้สึกอยากกินอาหารแคลอรี่สูง และนี่เองคือสาเหตุสำคัญของการที่น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น คนที่ไม่อยากอ้วน ต้องนอนให้เต็มอิ่มจะได้ไม่เกิดปัญหาที่ว่านี้
5. โรคหัวใจ
จากการทดลองในกลุ่มอาสาสมัคร ที่ไม่มีการนอนพักผ่อนเลยเป็นเวลา 88 ชั่วโมง ผลที่ได้ก็คือ พวกเขาเหล่านั้นมีระดับความดันเลือดที่สูงมาก ในขณะเดียวกันเมื่อเปลี่ยนมาให้กลุ่มอาสาสมัครได้นอนเป็นเวลานาน 4 ชั่วโมงใน 1 คืน ผลปรากฎว่า อัตราการเต้นของหัวใจกลับอยู่ในระดับซึ่งมีความใกล้เคียงกับคนที่นอนเป็นระยะเวลานานปกติ และอีกหนึ่งสิ่งที่ส่งผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจก็คือ สารโปรตีน ที่มาสะสมตัวมากขึ้นในช่วงที่เราตื่น และจะถูกขับออกจากร่างกายโดยธรรมชาติเมื่อเราหลับ เพราะฉะนั้นเวลาที่นอนไม่พอ หรือนอนน้อยติดต่อกันเป็นเวลานานๆ จึงมีความเสี่ยง ที่จะเป็นโรคหัวใจได้
ขอบคุณข้อมูล http://www.jc-richer.com
                    http://teen.mthai.com


ขอบคุณคลิปจาก https://www.youtube.com

ลดความอ้วน




ลดความอ้วน!!!!!!!!!!

ความอ้วน เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับของกินอร่อยๆ มาช้านาน หากว่าใครที่กำลังกินจุกจิก หรือกินเกินความพอดี ความอ้วนจะต้องมาเยือนเราอย่างแน่นอน ตอนกินเข้าไปอะไรๆ ก็ดูง่าย แต่รู้รึเปล่าว่าการเบิร์นออกเพื่อให้รูปร่างกลับมาเหมือนเดิมนั้นยากซะยิ่งกว่าการเข็นครกขึ้นภูเขาซะอีก เหมือนกับสาวน้อยคนนี้ที่เรื่องราวการเปลี่ยนแปลงตัวเองมีความน่าสนใจมาก เธอได้นำเรื่องราวสูตรลดน้ําหนักด้วยตัวเองนี้ลงไปโพสต์ไว้ในเว็บไซต์ Pantip.com โดยถึงแม้ว่าจะมีความยากลำบากในการลดน้ำหนักขนาดไหน แต่เธอก็ยังพยายาม จนสามารถทำให้รูปร่างตัวเองกลับมาสวยใสได้ในระยะเวลาเพียง 11 เดือน ถือว่าเป็นการลดน้ำหนักที่ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก และไม่เป็นการทำร้ายตัวเองจนเกินไป ลองไปติดตามเรื่องราวของเธอกัน …
สวัสดีค่ะ คือเราออยากมาแชร์ประสบการณ์การวิธีลดความอ้วนของเราที่เชื่อว่าทุกคนต้องทำได้แน่ๆเพราะ แบบเราไม่ได้มีกฎเกณฑ์ หรือ อะไรมาก อุปกรณ์ไรก็ไม่มี ใช้ชีวิตอยู่แบบเด็กหอที่ต้องลดน้ำหนัก
คือมันเป็นไรที่จะว่าง่ายก็ง่ายนะ ว่ายากหน่อยก็ได้ 5555555 แต่มันอยู่ที่ใจล้วนๆ
และอีกอย่างที่ไม่รู้ว่าแปลกไหม เราไม่มีแรงบันดาลใจจากอะไรทั้งสิ้นเลย คนอื่นชอบถามว่าชอบใครเปล่าเลยพยายามลดบอกตรงๆ ตอนอ้วนไม่ได้ชอบใครเลย แค่วันนึงถ่ายรูปออกมาละ เห้ย!!? นี่ตัวฉันหรอ ... คือมันแบบ นะ เดี๋ยวตามไปดูรูป

เล่าเรื่องวิธีลดความอ้วนตั้งแต่แรก

คือเป็นคนที่อ้วนมาแต่เด็กแล้ว อ้วนจากการกินเยอะเองนี่ละ ก็อ้วนปกติแต่ไม่ถึงขั้นมาก จนเริ่มมีจุดเปลี่ยนตอนเข้ามหาลัย

คือ อ้วนแบบมากๆ เลย ชีวิตเปลี่ยนจากอยู่บ้านไปอยู่หอ กินไรก็อร่อยไปหมด ซื้อกินตอนไหนก็ได้ น้ำหนักช่วงนั้นรู้สึกจะ 75-76 กิโล ก็ยังไม่ได้มีทีท่าจะลดหรอก ก็กินๆๆๆ ต่อไป จนมีช่วงนึงคือปี 2 กินๆๆ เยอะแบบรู้ตัวเลยว่าเยอะ กินข้าวครบทุกมื้อ ขนมก็กิน แต่ดึกก็กินอีก มื้อดึกนะ เช่น โจ๊กคัพ+ไก่ทอด2 ชิ้น+ขนมจีบ คือ รู้ว่าตัวกินเยอะนะแต่หยุดไม่ได้จริงๆ แล้วพอกลับบ้านด้วยสภาพที่อ้วนแบบนั้น เจอใครที่บ้านก็ ทักว่าอ้วนมากกๆๆ คางจะย้อยถึงบ้านละ คือแบบเห้ยย ทำตัวไม่ถูกเลย พอชั่งน้ำหนักที่บ้าน เจอตัวเลข 82.9!! เห๊ยย นี่อ้วนจนขึ้นเลข 8เลยหรอ .....
พอถึงวันกลับหอเลยคิดว่าจะลองลดดู .... ซึ่งก็ไม่ได้คิดจะจริง
เริ่มแรกเลยนะ น้ำหนักที่ชั่งได้คือ 82.9 กิโล
สูง 160 เซนติเมตร ความอ้วนที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือหน้าน้ำหนักปัจจุบันคือ 50 เป๊ะ กินเยอะหน่อยก็ 51-52 ระยะเวลาในการลดน้ำหนัก ประมาณ 11 เดือน ได้ แต่ด้วยความที่เราไม่ได้ทำต่อเนื่องนะ มันเลยนานมีช่วงที่แบบว่ารู้สึกลดมามากพอแล้วก็หยุด กลับมากินปกติ เลิกออกกำลังกาย เป็นแบบนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง รูปที่เห็นแล้วทำให้อยากลดก็คือ
ลดน้ําหนัก
นั่นแหละ น่าตกใจไหม
วิธีแรกที่เราเริ่มทำเลยนะ คือ งดข้าวเย็น วันแรกที่เริ่มลดก็คือในรูปนี่ละ ซัดพิซซ่าไปแล้ว หลังจากนี้ก็รู้สึก เห้ยเราก็ทนได้นี่หว่า ไม่ได้รู้สึกหิวเลยนะ อาจจะเป็นเพราะอ้วนมาก อาหารที่กินแต่ละวันคงยังเหลือให้ใช้พลังงานได้อีกเยอะ 55555
ก็เริ่มทำมาเรื่อย ๆ จำระยะเวลาไม่ได้อะ อ๋อ แล้วพอรู้สึกว่าตัวเองจริงจังกับการลดน้ำหนักแล้ว เลยไปซื้อเครื่องช่างน้ำหนักแบบดิจิตอล เห็นกันเป็นจุดๆ ไปเลย
มันดีมาก เลยนะ เราชั่งทุกวัน จะได้เจียมตัว 5555 แล้วคราวนี้ทำมาเรื่อยจน น้ำหนักลดไป 2 กิโล !! แบบมันดีใจนะ คนไม่เคยคิดจะสนใจน้ำหนักอะ
นี่คือน้ำหนักลดแล้ว 2 โล เย้เย้ คือเหลือ 80 กิโล
ลดน้ําหนัก


คือมันลดก็จริง แต่เห็นสภาพตัวเองละก็ยังไม่ไหว ก็ยังคงงดมื้อเย็นมาสักพัก แต่คราวนี้ไปออกกำลังกายด้วย การออกกำลังของเราคือการวิ่ง
ไม่ สิ เราไม่ถึงขั้นวิ่ง เราทำแบบเดินเร็วๆ เร็วธรรมดากับเร็วมาก สลับกัน เราไปวิ่งที่ฟิตเนสมหาลัย ความเร็วของเครื่องอยู่ที่ประมาณ 5.5-6.9 ไรแบบนี้
แล้วก็มีปั่นจักรยานบ้างนะ บ้างจริงๆ เวลารอเครื่องวิ่งตอนไปว่างก็ปั่นๆ รอ มีภาพมายืนยัน
ลดน้ําหนัก
การออกกำลังกายเราไม่ได้มีกำหนดวันนะ คือว่างวันไหนก็ไป ส่วนมากก็จะว่าง ถ้าไม่ต้องทำงาน ไม่มีสอบ ก็จะไป
การออกกำลังกายของเราอีกแบบคือ ตีแบต มันสนุกดีนะ โชคดีที่เพื่อนก็ไปตีด้วย
อ๋อ ลืมบอกตอนลดน้ำหนักนี่ เพื่อนก็เป็นส่วนสำคัญนะ คือปกติเราอยู่หอใช่ปะ ทุกวันคือกินข้าวกับเพื่อน พอถึงคราวที่เราจะลดน้ำหนัก
เรา ต้องบอกมันอย่างจริงจังเลย ว่า ไม่กินนะข้าวเย็น ร้านนมหรือไปกินขนมที่ไหนก็ห้ามชวน แรกๆ ก็ยังมีชวนบ้าง หลังๆ เราไม่ไป เพื่อนนี่เงียบหายไปเลย 555
คราวนี้พอลดมาสักพักเราก็ปรึกษาพี่สาว พี่เราก็แนะนำให้เราไปดู รายการ good shape save cost ซึ่ง มันโอเคมาก !!
จริงนะ คือเราดูแล้วเรามีกำลังใจมากเลย ก็คือจะเน้นควบคุมอาหาร มากกว่าออกกำลังกาย ซึ่งปกติเราก็ออกอยู่แล้วละ
พอ ดูรายการนี้เราก็ กินแบบคำนวณแคลอรี่เลยละ จริงจังมากๆ ถ้าจะกินตอนเย็นคือก็ต้องดูอะไรที่แคลอรี่น้อย ๆ พอช่วงนี้ก็เลยออกกำลังกายไม่ได้สม่ำเสมอ
ออกบ้างไม่ออกบ้าง บางอาทิตย์นี่หยุดไปเลย แต่ น้ำหนักก็ลดนะ ลงมาเหลือประมาณ 75-76 กิโล
วิธีลดความอ้วน
หลังจากนั้นเราก็คุมแคลอรี่มาเรื่อยๆ ตลอดเลย ออกกำลังกายบ้าง แบบว่าอาทิตย์ละ 3-4 ครั้งแต่ถ้าอาทิตย์ไหนไม่ไปก็คือไม่ได้ไปเลยทั้งอาทิตย์นะ ถ้าจำไม่ผิด ช่วงประมาณเดือนมีนาเราหนัก 71 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มเรียนซัมเมอร์เราลองใช้สูจรพระเทพ แบบ 7 วัน น้ำหนักก็ลดประมาณ 3 กิโลนะ จำไม่ได้ว่าทำช่วงมีนาหรือเมษา ถือว่าไม่เยอะ เพราะอ่านจากสูตรเค้าบอกลด 7-8 โลแต่มันเป็นระยะเวลาที่ทำให้เราลงถึงเลข 6!!! แบบ 68-69 เห๊ยยย มันฟินมากกกกก ไม่รู้ว่าทำไม 55555 ดีใจที่ตัวเองพ้นจากเลข7 สักทีแล้วพอเดือนพฤษภาเราจำได้เลยหนัก 65 กิโล ..
วิธีลดความอ้วน


ลงรูปใน facebook ช่วง หนัก 65 เพื่อนเริ่มทักเยอะมากขึ้นว่าผอมลงป่าวๆ รู้สึกดีมากเลยนะ
แล้วก็กังวลเบาๆ เพราะ เดือนพฤษภาไปเที่ยวเกาหลี ญี่ปุ่น เกือบเดือนนึงเต็ม กลัวน้ำหนักขึ้นมากๆๆ
แต่ไปแต่ละที่คือกินจัดเต็มนะ รู้สึกแบบ อุตส่าห์มานี่นา ... พอกลับมาไทย ชั่งน้ำหนัก ปรากฏว่า ไม่ขึ้นเลย !!!
ดีใจม้ากกกกก พอกลับมาแล้วอยู่ในจุดอิ่มตัว คือกินปกติ กินเย็นกินดึก กินบุฟเฟ่ จนวันนึงชั่งน้ำหนักแล้ว 68 !!!
เห้ย คือไร ... ที่เราตั้งใจมาทำไปทำไม ? กลับมาจากเที่ยวน้ำหนักก็อุตสาห์ไม่ขึ้น มีเวลาลดทำไมไม่ตั้งใจ?
แบบวนในหัวเรามากกกกกก จำได้ว่าเริ่มลดจริงๆ จังๆ อีกครั้งช่วงกลางเดือน มิถุนา
***คราวนี้เป็นสูตรโหดนะ***
เราลองทำเองแบบไม่ถามใครคือ
มื้อเช้า : โยเกิร์ต
เที่ยง : ไข่ต้ม 2ฟอง
เย็น : ผลไม้ (บางวันไม่กิน)
ตอน เย็นออกไปเดินเร็วๆ รอบสวนสารธารณะ (สระพังทอง) 2-3รอบ ทุกวัน!! เพราะว่าเราว่างมาก อยู่บ้านมีแต่นั่งๆ นอนๆ ออกไปขยับร่างกายซะหน่อย
ช่วงนั้นเราออกอยู่สองแบบคือ ว่ายน้ำกับวิ่งนี่ละ ไม่รู้ออกกำลังกายได้มากไหม แต่ควบคุมอาหารนี่ได้ผลสุดๆๆ
เอ่อ .. แต่เราขอเตือนนะ ช่วงที่เราทำคือเราไม่ได้ทำไรเลยแต่ละวัน แบบงานบ้านหรือทำไรก็ไม่ได้ทำ แล้ว มันเป็นช่วงปิดเทอม เราทำเราโอเค เพื่อนเราเคยลองทำแล้วมันหน้ามืด
คืออาจจะแล้วแต่คนอะ ใชวิจารณญาณแล้วกันเน่อออออ
นั่นละ พอวันที่ 20 กรกฎา เราจำได้แม่น เพราะเรากำลังจะไปค่ายกับเพื่อนๆ สาขา เราเลยพยายามเร่งลดมาก 5555 แบบอยากมีการเปลี่ยนแปลงชัดๆ
น้ำหนักอยู่ที่ 58 กิโล ....... เห้ยมันคือเลข5แล้ว ....... ดีใจอะ
พอเปิดเทอม กลางๆ เดือนสิงหาก็หนัก 58 อยู่ คือแบบ แต่งตัวเด๋อด๋าๆ มากก เพราะเสื้อผ้าเปลี่ยนใหม่หมด เย้
วิธีลดความอ้วน


เราก็กลับไปอยู่หอ ใช้ชีวิตปกติ กินข้าวอะไรก็ปกติ แต่มันยังติดนิสัยแบบตอนอยู่บ้านก็คือ กินน้อยอะ คือ ถ้ากินข้าวอิ่มแล้วคือ อิ่ม
ขนม เค้ก นม ถ้าไม่มีความอยากก็ไม่ได้กิน บางวันรู้สึกชิน กลางวันนั่งกินไข่ต้มก็มีบ้าง 555555
ทำให้น้ำหนักเราลดเองมาเหลืออยู่ที่ 55 กิโล .... มันดีอะแก (เปิดเทอมมาแรกๆไม่ได้ออกกำลังกายเลย)

สูตรลดน้ําหนัก

พอ น้ำหนัก 55 แบบคงที่แล้ว เราก็ทำการกินปกติ ออกแนวเริ่มปล่อยตัวด้วยซ้ำ ฮ่าาา ก็กินขนม กินนม กินข้าวเยอะขึ้น แต่ก็ไม่เท่าตอนอ้วนแหละ
แล้วคราว นี้อยู่ๆไปเรื่อยก็รู้สึกว่า 55 ฉันก็ยังอวบๆอยู่เลยนะ เลยพยายามลด โดยการกลับมาควบคุมการกิน แบบจริงจังขึ้น แต่คราวนี้เราไม่ใช้สูตรโหด
เพราะ เราต้องเรียนหนังสือ ทำนู๊นนี่ เราทำเป็นแบบ กินพวกก๋วยเตี๋ยว สลัดผัก เกาเหลา ผลไม้ ไข่ต้ม วนๆ อยู่แบบนี้ ถ้าต้องกินข้าวจริงๆ ก็กินกับเยอะกว่า ข้าวก็แบ่งๆ ให้เพื่อนไป
ช่วงนี้เราออกกำลังกายด้วยนะ ไปวิ่งตอนเช้า 40 นาที น่าจะอาทิตย์ละสองครั้งได้
นั่นละ ... น้ำหนักเราลดเหลือ 52 !! เย้ บอกตรงๆนะมันเริ่มลดยากแล้วตั้งแต่ 55 กิโล มา
พอ หนัก 52 เราก็ยังไม่ลืมเป้าหมายของเรา เราอยากหนัก 45 !! คือรู้นะว่ามันย้ากกกยาก แต่ก็พยายามกระดึ้บๆ ให้ลดลงๆ ไปเรื่อย คราวนี้มาถึงช่วงสอบ final ก็อยากจะลดน้ำหนักไปด้วยละ แต่มันก็ต้องกินละเน้อะ ก็กินปกติ แต่ละมื้อส่วนมากแบบรีบกินรีบเสร็จจะได้ไปอ่านหนังสือ ก็ยังกินไข่ต้มอีกเช่นเคย มันอิ่มมากเลยนะ ไปลอง ... ก็จะกินแบบปกติ แต่ไม่มีเวลาไปหาขนมมากินอะดิ หรือบางวันขี้เกียจออกไปข้างนอกมากๆ แบบอยากนั่งอยู่กับที่ ก็กินแค่โยเกิร์ต ผลไม้ ขนมเล่นๆ (มันไม่ดีนะ) น้ำหนักก็ลดมาถึง 50 กิโลถ้วนสมบูรณ์
คือดีใจมากกกกกกกกกก อยากลดต่อ แต่ติดตรงกลับมาบ้านนี่ละ ของกินอร่อย ไม่กิน พ่อแม่ก็ดูเป็นห่วง ฮร่าาาาาาา
ถึงเวลาต้องลงรูป after 30 กิโลที่หายไปแล้วใช่ปะ ? แต่รูปตอนก่อนลดเราเยอะกว่าตอนลดแล้วอีก ดูไหม ? ดูๆๆ เราจะลง 555555
จำไม่ได้นะช่วงไหนเท่าไร ดูสุ่มๆ ไป 55555 ปัญหาหลักสำหรับเราเลยนะ เราเป็นคนหน้าใหญ่ แก้มนี่ใหญ่มาก 555 น้ำหนักลดเท่าไรหน้าก็ยังอ้วนอยู่
สูตรลดน้ําหนัก
สูตรลดน้ําหนัก
สูตรลดน้ําหนัก


หลังจากที่น้ำหนักหายไป 32 กิโล !!! จาก 82.9 ลงมาเหลือ 50 กิโล ..... เฮ้ !!
สรุปน้ำหนักทุกวันนี้คือ 50 กินเยอะๆหน่อยก็สัก51-52 แต่วันถัดมาก็อยู่ช่วง 50 โลแหละ ..
นี่คือการเปลี่ยนแปลง เหมือนชีวิตหลังมรสุมมมมมม ฮ่าาา
สูตรลดน้ําหนัก
สูตรลดน้ําหนัก

ขอบคุณภาพและข้อมูลประกอบ : คุณ Like a Pyramid สมาชิกจาก http://pantip.com/
                                                          http://women.sanook.com

ข้อดีแต่ละอาชีพ


ข้อดีของแต่ละอาชีพ








ข้อดีของอาชีพครู
1. สามารถสร้างคนให้เป็นคนดี คนเก่ง เพื่อพัฒนาประเทศชาติ
2. เป็นอาชีพที่มีเกียรติเป็นที่เคารพ นับน่าถือตา
3. เป็นอาชีพที่ต้องมีจรรยาบรรณวิชาชีพ
4. เป็นอาชีพต้องใช้คนที่มี่ความรู้ ความสามารถ รวมทั้งความรักในการเป็นครู
5. สามารุถพัฒนาศักยภาพของตนเองได้
6. เป็นอาชีพที่ท้าทายความสามารถ
7. เป็นปูชยนีบุคคล
8. เป็นแบบอย่างที่ดี
9. เป็นพ่อพิมพ์ แม่พิมพ์ของชาติ

ข้อดีอาชีพตำรวจ

    ข้อดีของตำรวจ คือ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์, มีความอดทน, มีความซื่อสัตย์สุจริต, รักความยุติธรรม, มีความเสียสละทั้งแรงกายแรงใจ, มีความกล้าหาญ, มีระเอียดความรอบคอบ, มีระเบียบวินัย





ข้อดีอาชีพหมอ

– เป็นอาชีพที่มั่นคง : หมอเป็นอาชีพที่มั่นคง คือไม่มีทางถูกไล่ออก หรือตกงาน เพราะทุกวันนี้หมอขาดแคลนอยู่ครับ เรายังผลิตแพทย์เข้าสู่ระบบได้ไม่ทัน เพราะผลิตได้น้อย และแพทย์ไหลออกนอกระบบอีกด้วย ดังนั้นการเรียนหมอถ้าจบมาได้เนี่ยนะครับ ไม่ต้องกลัวไม่มีงานทำ เพราะมันมีให้ทำแน่นอน และเยอะด้วยละ !
– รายได้ค่อนข้างดี : ต้องยอมรับว่าเป็นหมอรายได้ถือว่าดีเมื่อเทียบกับหลายอาชีพครับ แต่มันก็ไม่ได้รวยเมื่อเทียบกับอีกหลาย ๆ อาชีพนะครับ ถ้าจะให้พูดรวม ๆ แล้วอาชีพหมอก็ยังถือว่าอยู่ในคนฐานะเกือบ ๆ จะรวยครับ ดังนั้นใครหวังว่าจะรวย การเป็นหมอไม่ตอบโจทย์ครับ เพราะมันทำได้แค่เกือบ ๆ จะรวยเท่านั้นเองครับ แต่ก็จะไม่ขัดสนเรื่องเงินแน่นอน ถ้าไม่ได้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยมากเกินไป
– ได้ช่วยเหลือคนอื่น : หมอโดยอาชีพแล้วเหมือนน้องได้ทำบุญช่วยเหลือผู้อื่นทุกวันครับ เพราะคนที่มาโรงพยาบาลนั้นมีความทุกข์อยู่แล้ว การช่วยขจัดความทุกข์ของเขาเหล่านั้นด้วยจิตใจที่ปราถนาดี เป็นสิ่งที่ได้บุญกุศุลอยู่แล้วครับ ซึ่งการได้ทำงานลักษณะนี้แล้วเห็นพวกเขาหายจากโรค กลับบ้านได้ น้องจะมีความสุขครับ และมันเป็นความสุขที่มีทุกวัน หาไม่ได้จากการทำงานอย่างอื่นซะด้วยนะครับ
– มีเกียรติ : แม้ว่าจะมีปัญหาฟ้องร้องกันเยอะในปัจจุบัน แต่หมอก็ยังเป็นอาชีพที่ได้รับเกียรติและได้รับการยอมรับจากคนในสังคมค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับหลาย ๆ อาชีพ แต่การที่เขาให้เกียรติตรงนี้ ก็จะต้องแลกมาด้วยการวางตัวที่เหมาะสมของคนที่จะมาเป็นหมอด้วยนะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.sobsuan.com
https://sites.google.com